จากกระแสการผันเงินช่วยเหลือประชาชน 56 ล้านคน ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี คำถามคือ มันมีอะไร ? และจะเกิดอะไรขึ้น ? เราจะมาวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคและผลกระทบทางด้านดิจิทัลกันครับ
ที่มาและที่ไป
ที่มาของแหล่งทุน. และที่ไปของการใช้เงิน
- โลกนี้ไม่มีของฟรี
หากรัฐบาลจะใช้เงินจากเงิน “พก” ถุงเงินสภาพคล่องของตนเอง ผลกระทบก็จะเกิด กระแสสภาพคล่องหดชั่วคราว และเงินจะสูญหายไปกับค่าดำเนินการจำนวนนึง แต่หากรัฐบาลจะใช้เงินกู้จากแบงค์ ก็เป็นการสมรู้ร่วมคิดแบบ Win-win คือ แบงค์ได้ดอกเบี้ย ประชาชนได้เงิน นายกฯ ได้หน้า กันไป เบื้องลึกก็น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
คนมีฐานะหน่อยก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปก็จะดีใจได้คลายเดือดร้อนตามแบบฉบับของตัวเองกันไป
เงินจะไหลกลับและหมุนหลายเด้ง ก่อนจะไปนอนสงบนิ่งอยู่ในบัญชี “คนมีของ”
แต่ความบันเทิงมันอยู่ที่ตรงนี้ครับ คือ จะเป็นการสร้างปริมาณเงินในระบบดิจิทัลให้เติบโตทันที เป็นแสนล้านภายใน 1-2 เดือน มากกว่าเงินดิจิทัลใดๆ ในประเทศนี้
แล้วงัยต่อ ประโยชน์ก็จะไหลไปในระบบธุรกิจที่มีการซื้อขายด้วยเงินดิจิทัลได้ คนที่มี “ธุระกรรมและวาทะกรรมดิจิทัล” จะเกิดกระแสการซื้อขายปลดความเดือดร้อนประชาชนไปค่าหนึ่งและแปลงเป็นเงินในกระเป๋าดิจิทัลของคนอีกจำนวนหนึ่ง แพลตฟอร์มเงินดิจิทัลจะกระเตื้องขึ้นทันที มีคนได้ประโยชน์ วงการ Tech ได้ประโยชน์ วงการอสังหา ฯ ได้ประโยชน์ คนชั้นกลางๆ ได้ประโยชน์
เครื่องยนต์ดิจิทัลได้ประโยชน์. ตอบโจทย์นโยบายพรรคการเมืองที่ชูกระแสดิจิทัลเป็นนโยบายหลัก
ที่ไปของเงิน เงินจำนวนมากจะถูกเปลี่ยนรูปและไปหมุนอยู่ในเศรษฐกิจเงินดิจิทัล สร้างความคึกคักให้กับแวดวง และขยายวงลงไปสู่ระดับล่าง และมันจะปลอดภัยหากมีการรักษามูลค่ามันด้วยกลไกใด กลไกหนึ่ง แต่มันก็จะมีความเสี่ยงหาก กลไกมันควบคุมได้ยาก หรือถูกควบคุมโดยหน่วยงานนอกระบบ
ความเสี่ยงมีไหม คนที่มองเห็นอนาคตก็น่าจะเตรียมรับมือ หรือ เตรียมลดผลกระทบไประดับหนึ่งแล้ว และมีคนอีกจำนวนมากที่ใส่เกียร์ “รอ” รอดูผลกระทบ
สำหรับผู้เขียน มีความตื่นเต้นว่า มันน่าสนใจ และเราก็เตรียมรอดูผลบุญผลกรรมกับการเสี่ยงของนายกคนใหม่ ที่เดิมพันมันสูงใช่เล่น
ตาดีได้ ตาร้ายเสียครับ แต่คนดิจิทัลน่าจะสนุกกัน
Views: 65