ด้วยในอนาคตอันใกล้ ที่เราคงจะได้มีโอกาสไปนำเสนอไอเดียกับผลงานของเรา ก็จะมีข้อสงสัยว่า งานของเราเป็นงานนวัตกรรมมประเภทไหน เป็น แบบธรรมดา เป็น Low-code(LC) หรือ no-code(NC) และ iSTEE มันจะพอเทียบได้กับ LC/NC ในตลาดอย่างไรบ้าง

ผมเลยต้องขออนุญาตทำการเปรียบเทียบ iSTEE Framework (OOPs : Object Pascal) กับ OutSystems , Mendix และ Bubble ที่ผมหาเวลาไปลองอ่านและดูจาก Youtube หลายวันเหมือนกันจะได้ทำความเข้าแบบเจาะลึก ช่วยท่านผู้อ่านได้อ่านได้ลึกซึ้ง โดยจะวิเคราะห์ทางด้าน

  • ด้านเทคนิคที่มาในการพัฒนา code เบื้องหลัง
  • ด้านเทคนิค UX/UI
  • ด้านดาต้าเบส Backend
  • ด้านการ Deploy เข้าสู่ระบบ
  • ด้านต้นทุน และการดูแลรักษา
  • ด้านการขยายในอนาคต
  • ด้านตัวอย่างผลิตภัณฑ์จาก แพลตฟอร์มนั้น ๆ
  • กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย
  • ด้านการลงทุน เรียนรู้เพื่อประกอบเป็นงานอาชีพ
  • ด้านการลงทุน เพื่อสร้างทีมในองค์กร
  • อนาคต

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเพื่อนเราก่อนคือ OutSystems ตามลำดับ

หัวข้อการสนทนารายละเอียด
ผู้พัฒนาOutsystems , ปี 2544 เมืองลิสลอน โปรตุเกส ขยับขึ้นมาเป็น Unicorn ในปี 2561
ประเทศที่มีตัวแทนขายอเมริกา โปรตุเกส และทุก ๆ ทวีป
จำนวนประเทศ/ผู้ใช้
จำนวนแอพที่ออกมา> 10,000 แอพ
ข้อดีที่สำคัญเหมาะสำหรับการพัฒนาแอพภายในองค์กร
ข้อเสียที่สำคัญค่าใช้จ่าย ค่า License User สูง , ไม่เหมาะกับงาน เวบแอพพลิเคชั่น (รายละเอียดเพิ่มเติมในคลิปนะครับ)

และผมได้นำเอา Clip ของผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทยมาวางไว้ให้ชมกันด้วยนะครับ ว่าเขามีความเห็น คำแนะนำอย่างไร

ขอขอบคุณ คุณกฤษฎา เฉลิมสุข (โอ๊ค) ด้วยครับผม

ตามด้วย Mendix

หัวข้อการสนทนา – Mendixรายละเอียด
ผู้พัฒนา : เนเธอร์แลนด์Mendix , เนเธอร์แลนด์
ประเทศที่มีตัวแทนขายเมืองไทย TBN
จำนวนประเทศ/ผู้ใช้
จำนวนแอพที่ออกมา
ข้อดีที่สำคัญคล้ายกับ Outsystems
ข้อเสียที่สำคัญคล้ายกับ Outsystems ไม่เหมาะกับงาน เวบแอพพลิเคชั่น (รายละเอียดเพิ่มเติมในคลิปนะครับ)
ขอขอบคุณ Blognone ครับ

และตามด้วย iSTEE Framework ของเรา

หัวข้อการสนทนารายละเอียด
ผู้พัฒนาสมอง (ไทยแลนด์) 2560
ประเทศที่มีตัวแทนขายเมืองไทยไปก่อนนะครับ
จำนวนประเทศ/ผู้ใช้
จำนวนแอพที่ออกมาเป้าหมาย 1000 Super App
ข้อดีที่สำคัญLow code, การ reuse ได้ง่ายพัฒนาระบบที่ซับซ้อนได้
ข้อเสียที่สำคัญไม่เหมาะสำหรับลานขนาดเล็ก ต้นทุนการซื้อเครื่องมือ เริ่มต้นสำหรับนักพัฒนา ในเกณฑ์ที่สูง

Avalants

เราหวังว่าหากท่านได้ฟังท่าน 3 คลิปนี้แล้วจะมีความเข้าใจ Low-code no-code มากพอสมควรนะครับ

คราวนี้เราจะมาลองเปรียบเทียบกันพอสังเขปนะครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ตารางเรียบเทียบ (โดยสังเขป)

คุณลักษณะOutsystemsMendixAvalantsiSTEE
ด้านเทคนิคที่มาในการพัฒนา code เบื้องหลังC,C#,Java,SQLDelphi Object Pascal
ด้านเทคนิค UX/UIUniGUI
ด้านดาต้าเบส BackendSQLSQ-Lite
ด้านการ Deploy เข้าสู่ระบบDeploy 4-5 นาทีDeploy , CI/CD
ด้านต้นทุน และการดูแลรักษาค่า License สูงสูงสูงต่ำสุด
ด้านการขยายในอนาคตไม่คล่องตัวง่าย
ด้านตัวอย่างผลิตภัณฑ์จาก แพลตฟอร์มนั้น ๆ
กลุ่มผู้ใช้เป้าหมายใช้ภายในองค์กรองค์กร โปรแกรมเมอร์ รัฐบาล
ด้านการลงทุน เรียนรู้เพื่อประกอบเป็นงานอาชีพ> 4000 USD< 3000 USD
ด้านการลงทุน เพื่อสร้างทีมในองค์กร
อนาคตหากมีการพัฒนาแอพขนาดใหญ่มีความยุ่งยากเหมาะกับงานขนาดใหญ่

จากตาราง จะเห็นได้ว่า Low code ได้มีการพัฒนาการมาก่อนมากว่า 20 ปี ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา pain-point 3 ประการตามที่ กล่าวถึงในคลิปของ mendix

Low code เหมาะสำหรับงานขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เหมาะสำหรับงานในองค์กร แต่ไม่เหมาะกับงานประเภทเวบแอพ (no code low code บางตัวก็สามารถทำเวบแอพได้)

iSTEE เป็น Low code ที่พัฒนามาแบบ High code สามารถรองรับงานที่มีความซับซ้อนขนาดใหญ่ได้ดี สามารถลดต้นทุนนักพัฒนาแก้ไขปัญหาตามที่ mendix กล่าวถึงไว้ และสามารถทดแทนนักพัฒนาจำนวนมากดังเช่น Low code คุณภาพ

Views: 21